วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

สโมสรฟุตบอลที่ชื่นชอบ

                            สโมสรฟุตบอล  เรอัล มาดริด



      ในปัจจุบันถ้าพูดถึงเรื่องฟุตบอลแล้วข่าวคราวเรื่องการย้ายนักเตะที่เป็นที่จับตามองในทุกๆครั้งนั้นย้อมเป็นทีมราชันชุดขาว รีลมาดริด หรือ เรอัลมาดริดเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงมาดริดเมืองหลวงของประเทศสเปน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1902 เล่นในลาลีกา และเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลศตวรรษที่ 20 โดยสามารถคว้าแชมป์ลาลีกาได้ทั้งสิ้น 32 สมัย ถ้วยโกปาเดลเรย์ 17 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 10 สมัยซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดของรายการ

WINNER
UEFA SUPER CUB 2014
    นอกจากนั้นเรอัลมาดริดยังได้เป็นสมาชิกของกลุ่มจี -14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของยุโรปอีกด้วย สนามเหย้าของสโมสรคือสนามซานเตียโก เบร์นาเบวอันมีชื่อเสียงแห่งกรุงมาดริด เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีหุ้นส่วนเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่และเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้จัดว่าเรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 ราชันชุดขาวนั้นเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการแข่งขันของยูฟ่าด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 10 สมัยและยูฟ่าคัพ สมัย ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่นๆทุกสโมสรที่เคยได้แชมป์ และมีเพียงโทรฟียุโรปเดียวที่เรอัลมาดริดยังไม่เคยได้นั่นคือยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพซึ่งมีสิทธิ์เล่น ครั้งแต่ก็พ่ายไปทั้งสองนัดโดยครั้งแรกแพ้ให้กับเชลซี 2-1 ในปีค.ศ. 1971 และเสมอ 1-1 ในนัดแรกก่อนที่จะแพ้ 1-0 ในนัดที่สองให้กับแอเบอร์ดีนด้วยประตูรวม 2-1 ในปีค.ศ. 1983


ต้นกำเนิดของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด  

     ต้นกำเนิดของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดต้องย้อนกลับไปในช่วงที่กีฬาฟุตบอลได้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในกรุงมาดริด โดยนักวิชาการและนักศึกษาของ อินสตีตูซีชัน ลีแบร์ เดอ เอนเซนานซา ซึ่งรวมถึงนักคึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจฺ์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆที่สำเร็จการศึกษา พวกเขาร่วมตัวกันสร้างสโมสรฟุตบอลขึ้นในปีค.ศ. 1897 โดยเล่นกันเป็นประจำในวันอาทิตย์ตอนเช้าที่มอนโกลาและต่อมาได้มีการแยกตัวออกเป็น สโมสรในปีค.ศ. 1900 โดยสโมสรหลักของกรุงมาดริดที่ผู้คนนิยมสนับสนุนได้มีชื่อว่า นิว ฟุตบอล เด มาดริดและอีกสโมสรหนึ่งคือ กลุบ เอสปาญอล เดอ มาดริดนั้นเอง ในวันที่ มีนาคม ค.ศ. 1902 

REAL MADRID
ในยุคเริ่มต้น
   หลังจากที่คณะกรรมการใหม่อย่าง ควน ปาดรอส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรคนแรกของสโมสรและวันนั้นเป็นวันที่ก่อตั้งสโมสรอย่างเป็นทางการ สามปีหลัง
     หลังจากที่สโมสรมาดริดก่อตั้งขึ้นในปี 1905 สโมสรมาดริดสามารถชนะครั้งแรกในเกมส์การแข่งขันที่พบกับ แอทเลติกบิลเบาในการแข่งขันสเปนนิชคัพรอบชิงชนะเลิศ สโมสรก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลสเปนที่ได้เข้าร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติสเปนในวันที่ มกราคม ค.ศ. 1909 เมื่อประธานสโมสร อาโดลโฟ เมเลนเดซ ลงนามข้อตกลงตามรากฐานของสเปนเอฟเอคัพหลังจากย้ายสนามของทีมไปอยู่ที่ "คัมป์โป เดอ ดอนเนลล์" ในปี ค.ศ. 1912 และในปี 1920 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เรอัลมาดริด" หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าอัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปนรับตำแหน่งรอยัลของสโมสร ต่อมาในปี 1929 การแข่งขันครั้งแรกของสเปนนิชฟุตบอลลีกได้ก่อตั้งขึ้น ในช่วงนัดแรกของฤดูกาลจนถึงนัดสุดท้ายเรอัลมาดริดสามารถครองอันดับที่ มาตลอดฤดูกาลแต่การมาพ่ายในนัดสุดท้ายที่พบกับแอทเลติกบิลเบานั้นจึงทำให้ได้แค่อันดับที่ และสโมสรต้องเสียแชมป์ไปให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมาเรอัลมาดริดสามารถได้แชมป์ลีกสเปนได้ครั้งแรกในปี 1931 และในปีถัดมาพวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้งเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน นั้นจึงทำให้สโมสรเรอัลมาดริดเป็นทีมแรกในลีกของสเปนที่คว้าแชมป์ลีกติดต่อกันสองสมัย ในวันที่ 14 เมษายนปี 1931 การมาถึงของสงครามโลกก่อให้เกิดการสูญเสียของสโมสรจึงทำให้สโมสรเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อ มาดริด ฟุตบอล คลับ การแข่งขันฟุตบอลยังมีอยู่ต่อเนื่องหลังจากผ่านสงครามโลกครั้งที่ และในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1943 สโมสรมาดริดสามารถเอาชนะ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาไปถึง 11-1 ในนัดที่สองของรอบก่อนชิงงชนะเลิศในการแข่งขัน โกปาเดล เกเนราลีซีโมหรือโกปาเดลเรย์ 

Santiago Bernabeu 
สนามเหย้าของทีมราชันย์ ชุดขาว
      หลังจากนั้นซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานของสโมสรเรอัลมาดริดในปี 1945 ภายใต้ประธานสโมสรเขาได้ลงทุนสร้างสนามกีฬา ซานเตียโก เบร์นาเบว และสิ่งอำนวยความสะดวกการฝึกอบรม คีอูดาด เดปอร์ตีวา เรอัลมาดริด ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากที่สงครามกลางเมืองสเปนได้สงบศึกลงซึ่งความมีเสียหายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 นอกจากนั้นเขาตัดสินใจไปกับกลยุทธ์ด้านการเงินของเขาด้วยการซื้อผู้เล่นในผู้เล่นระดับโลกจากต่างประเทศที่โดดเด่นที่สุดอย่าง อัลเฟรโด ดี สเตฟาโน เข้ามาร่วมทีม สโมสรสมารถชนะเลิศและคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้ สมัยในช่วงปี 1956 ถึง 1960 ซึ่งรวมถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ ไอน์ทรัต แฟรงค์เฟิร์ต 7-3 ที่แฮมป์เดนพาร์กในปีค.ศ. 1960 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ห้าสมัยติดต่อกันจริงอย่างถาวรทำให้สโมสรได้รับรางวัลถ้วยเดิมและได้รับสิทธิในการสวมใส่ เกียรติตรายูฟ่า ซึ่งมีเพียงสโมสรเดียว สโมสรสามารถคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่หกได้ในปี ค.ศ. 1966 ด้วยการชนะ พาร์ทีซาน เบลกราเด ไป 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศซึ่งเป็นครั้งที่สโมสรส่งผู้เล่นสัญชาติสเปนทั้งหมดลงทำการแข่งขัน ในปีช่วงทศวรรษที่ ค.ศ. 1970, เรอัลมาดริดสามารถคว้าแชมป์ลีกสเปนได้ถึง สมัยและสเปนนิชคัพได้ สมัย สโมสรได้มีสิทธิไปเล่นในรายการยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพครั้งแรกในปี ค.ศ. 1971 และก็ต้องพ่ายให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซีจากอังกฤษไป 2-1 หลังจากนั้นในวันที่ กรกฎาคม ค.ศ. 1978 ประธานสโมสร ซานเตียโก เบร์นาเบวได้เสียชีวิตลงในขณะที่ฟุตบอลโลกกำลังแข่งขันที่ประเทศอาร์เจนตินา ประเทศพันธมิตรของสมาคมฟุตบอล (ฟีฟ่า) กำหนดไว้สามวันของการไว้ทุกข์เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาในระหว่างการแข่งขัน หลังจากปี ค.ศ. 1999 ที่สโมสรคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นสมัยที่ ของสโมสรด้วยการเอาชนะบาเลนเซียสโมสรร่วมชาติเดียวกันได้ 3-0 เลยทีเดียว 

ประธานสโมสร โฟลเรนตีโน เปเรซ
   ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 สโมสรเรอัลมาดริดได้แต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่คือโฟลเรนตีโน เปเรซและยังได้ถูกรับเลือกว่าเป็นนักธุรกิจชาวสเปนที่รวยที่สุดในประเทศสเปน ณ เวลานั้นอีกด้วย ก่อนที่เขาจะมาดำรงตำแหน่งประธานสโมสรในระหว่างหาเสียงของเขาเขาสัญญว่าจะลบหนี้ต่างๆของสโมสรและสร้างสิ่งที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่สโมสรแทน ในปีถัดมาสโมสรเรอัลมาดริดได้สร้างค่ายฝึกอบรมใหม่และใช้เงินที่พวกเขาสามารถมีอยู่จากปีก่อนที่ด้วยการจัดการสรรหาดาวผู้เล่นที่ นักข่าวสเปนเรียกว่าวิธี ลอส กาลาตีกอส โดยมีชื่อนักเตะชื่อดังในยุคนั้นอาทิเช่น ซีเนดีน ซีดานโรนัลโดเดวิด เบคแคมฟาบีโอ กันนาวาโรลูอีช ฟีกูโรเบร์ตู การ์ลูส และ ราอุล กอนซาเลซ อาจจะมีการนักข่าวบางส่วนอภิปรายเมื่อผู้เล่นถูกซื้อโดยเปเรซเล่นล้มเหลวในการสนับสนุนความสำเร็จของสโมสร แต่เปเรซก็ใช้คำสบประมาทของนักข่าวด้วยการนำสโมสรเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ยูโรเปียนส์คัพเป็นสมัยที่ ของสโมสรและคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้ได้หนึ่งในปี ค.ศ. 2002 ในปีถัดมาสโมสรก็สามารถคว้าแชมป์ ลาลีกา แต่สโมสรก็ล้มเหลวที่จะคว้าแชมป์รางวัลที่สำคัญสำหรับในสามฤดูกาลถัดมา ในปี ค.ศ. 2006 สโมสรได้แต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่แทนเปเรซคือ รามอน คาลเดอร์รอน และสโมสรสามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในรายการลาลีกา ด้วยฝีมือการคุมทีมของ ฟาบีโอ กาเปลโล ที่ตัดสินใจกลับมาคุมทีมอีกครั้ง 

Real Madrid กาลาคติกอส
       โดยในฤดูกาลนี้สโมสรขายนักเตะชื่อดังหลายคนไปมากมายไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบคแคมลูอีช ฟีกูโรนัลโด และ ซีเนดีน ซีดาน ที่ได้ขอเลิกเล่นฟุตบอลกับสโมสรแล้วแขวนสตัดไป แต่กาเปลโลก็สามารถหาซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมแทนตำแหน่งเดิมได้หลายคน อาทิเช่น กอนซาโล อีกวาอิน กองหน้าชาวอาร์เจนตินามาร์เซลู วีเอรา กองหลังชาวบราซิลรุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าชาวดัตช์จากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ในขณะนั้นกำลังฟอร์มดี และเมื่อวันที่ มิถุนายน ค.ศ. 2009 โฟลเรนตีโน เปเรซ อดีตประธานคนเก่าของสโมสรได้กลับมารับดำรงตำแหน่งประธานสโมสรอีกครั้งโดยการกลับมาในครั้งนี้เปเรซมีแผนที่จะสร้าง กาลาตีกอส ซึ่งเป็นนโยบายการซื้อนักเตะที่มีทักษะและฝีมือชั้นยอดเข้ามาสู่สโมสรโดยคนแรกที่เข้าซื้อมาคือ กาก้า กองกลางตัวรุกจากเอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์


Ricardo Kaka
และ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกริมเส้นจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์และได้เซ็นสัญญากับ มานวยล์ เปเยกรีนี ผู้จัดการทืมชาวชิลีเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลซึ่งเปเยกรีนีก็ทำผลงานได้ดีในการคุมสโมสรด้วยการจบอันดับที่ ในลาลีกาหลังจากสัญญาการคุมทีมของเปเยกรีนีได้หมดลง เปเรซก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ โชเซ มูรีนโย อดีตผู้จัดการทีมของสโมสรฟุตบอลเชลซีชาวโปรตุเกสในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 ซึ่งช่วงนั้นมูรีนโยกำลังอยู่ในช่วงที่ดีอย่างมาก มูรีนโยสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้อย่างต่อเนื่องโดยในฤดูกาล 2011-2012 เรอัลมาดริดสามารถคว้าแชมป์ลาลีกามาได้เป็นสมัยที่ 32 ของสโมสร

Cristiano  Ronaldo
         ในประวัติศาสตร์การแข่งขันลาลีกาและจบอันดับ ของฤดูกาลด้วยการมีคะแนนทั้งหมด 100 คะแนน จากทั้งหมด 114 คะแนนและยิงประตูคู่แข่งได้มากถึง 121 ประตูเสียประตูให้คู่แข่งไป 32 ประตูและคริสเตียโน โรนัลโด กลายเป็นผู้เล่นที่เร็วที่สุดในการทำประตูมากกว่า 100 ลูก ในประวัติศาสตร์ลีกสเปนยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้โดยโรนัลโดทำประตู 101 ประตูจากการลงเล่นแค่ 92 โดยทำให้โรนัลโดแซงสถิติของ เฟเรนส์ ปุชคัช อดีตนักฟุตบอลชาวฮังการีของสโมสรที่สามารถทำประตูที่ 100 จากการลงเล่น 105 นัด แล้วโรนัลโดยังเป็นผู้เล่นคนแรกของสโมสรที่ทำประตูสูงสุดในหนึ่งปีถึง60 ประตูและโรนัลโดยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูคู่แข่งทั้ง 19 สโมสรในลาลีกาเพียงฤดูกาลเดียวอีกด้วย

      และเมื่อปี 2013 เรอัล มาดริด ได้มีการซื้อขายตัวนักเตะเกดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทีมได้มีการซื้อตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทางสโมสรเลยทีเดียวเป็นการซื้อขายตัวนักเตะที่เป็นสถิติโลกอีกครั้งหนึ่งด้วยค่าตัวอันมากมายมหาศาลที่ไม่มีสโมสรไหนทำได้มาก่อนนักเตะที่ทางสโมสรซื้อตัวมาร่วมทีม ก็คือ Gareth Bale โดยมีการซื้อตัวมาจากทีม Tottenham Hotspur จากอังกฤษ  โดยทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2013 ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยค่าตัว  85.3  ล้านปอนด์  

Gareth Bale
      ซึ่งทำลายเจ้าของสถิติของคนก่อนหน้านี้อย่าง Cristiano Ronaldo ที่ย้ายจากทีม Manchester United มาร่วมทีม Real Madrid เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติโลกในตอนนั้น ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ และ ณ ตอนนี้ยังไมมีใครสามารถทำลายสถิติโลกสูงสุดของ Gareth Bale ลงได้นับตั้งแต่เขาได้มีการย้ายมาร่วมทีม ราชันย์ ชุดขาว ในตอนนี้และได้ลงเล่นให้กับทีมในเวลานี้รับใช้ต้นสังกัดของเขากับ Real Madrid ณ ปัจจุบัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น